Tung148

share the knowledge … share my life :-)

ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ คืออะไร ??

 

เวลาเอาบัตรเครดิตไปใช้ต่างประเทศ เรามักจะเคยได้ยินคำว่า “ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ” หรือ “ค่าความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

 

การเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากการแลกเงินแล้ว

ยังมีการใช้บัตรเครดิตที่ต่างประเทศ เพื่อจองโรงแรม / จองตั๋วเครื่องบิน/ ช้อปปิ้ง ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ

มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างมาดูกันเลย

 

 

ค่าธรรมเนียมการบัตรเครดิตใช้ต่างประเทศมีอะไรบ้าง ?

ปกติแล้วเวลาเราเอาบัตรเครดิตไปซื้อของต่างประเทศ (รวมถึงการเบิกเงินสด) เป็นสกุลเงินต่างประเทศ

จะถูกเรียกเก็บเป็นเงินบาทไทย (THB) ตามอัตราแลกเปลี่ยน

ที่ธนาคารถูกเรียกเก็บจากบริษัทบัตรเครดิต เช่น VISA / MasterCard / JCB / UnionPay

ณ วันที่มีการเรียกเก็บยอดค่าใช้จ่าย

แต่ถ้าสกุลเงินต่างประเทศดังกล่าว ไม่ใช่เป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ (USD)

ยอดนั้น ๆ จะถูกแปลงเป็นสกุลเงิน USD ก่อนที่จะทำการ แปลงเป็นสกุลเงินบาท THB

เช่น ถ้าเอาบัตรเครดิตไปซื้อของที่ญี่ปุ่นเป็นเงินเยน จะคิดจาก JPY -> USD -> THB

แต่ถ้าเอาไปรูดที่สหรัฐอเมริกา เป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ (USD) ก็จะคิดจาก USD -> THB เลย

 

โดยการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนได้:

กรณีบัตร VISA:
http://usa.visa.com/personal/card-benefits/travel/exchange-rate-calculator.jsp

กรณีบัตร MasterCard:
https://www.mastercard.com/global/currencyconversion/index.html

กรณีบัตร JCB:
http://www.jcb.co.jp/r/globalrate.html

กรณีบัตร UnionPay:
http://en.unionpay.com/front_ExchangeRate.html

 

ที่นี้หลังจากที่มีคิดการแปลงสกุลเงินต่างประเทศแล้ว

ธนาคารจะคิดค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน หรือ Foreign exchange risk อีกที

เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการแปลงสกุลเงินดังกล่าวข้างต้น

 

แล้วแบบนี้รูดบัตรเครดิตต่างประเทศ ใช้บัตรเครดิตธนาคารไหนดี ?

จากที่ไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของธนาคารต่าง ๆ ก็พบว่า แต่ละธนาคารจะคิดค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน “ไม่เท่ากัน” เช่น

บัตรเครดิตธนาคาร ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri) ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย
ซิตี้แบงค์ (Citibank) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารกรุงไทย (KTC) ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย
บัตรเครดิตเซ็นทรัล (Central Card) ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารทหารไทย (TMB) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
บัตรเครดิตเทสโก้-โลตัส (Tesco) ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารธนชาติ (Tanachart) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารแห่งประเทศจีน ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารยูโอบี (UOB) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
เฟิร์สช้อยส์ (FirstChoice) ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย
อิออน (AEON) ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย
ไอซีบีซี (ICBC) ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย

 

จากข้อมูลค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินด้านบนจะเห็นได้ว่า

บัตรเครดิตที่คิดเรทดี ก็มี บัตรเครดิตของ Krungsri / KTC / Central Card / etc. ที่คิดเป็น 2% ของยอดค่าใช้จ่ายเท่านั้น

แต่ทั้งนี้จะดูแต่เรทนี้ไม่ได้ เพราะยังมีเงื่อนไขการคิดเงินอีก

เช่น ถ้าเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน JPY (เป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้สกุลเงิน USD)

แนะนำให้ใช้บัตรเครดิต JCB เพราะเรทดีกว่า อ่านเพิ่มเติมได้ที่ …